บทที่ 18 สหายฮองเฮา (๓)
หวังซานเย่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการแสดงท่าทีรักใคร่ต่อเกาอี้เหรินยามที่อยู่เบื้องหน้าอีกฝ่ายนัก เขานั้นรังเกียจนางและสกุลเกาเสียยิ่งกว่าอาจม นั่นเพราะเกาเจียฉี่หมายมั่นปั้นมือจะให้บุตรสาวอย่างเการั่วซีเป็นฮองเฮาแทน แต่เนื่องจากหูไทเฮาคงคาดเดาแผนการนี้ออก จึงได้ตอบรับการอภิเษกของอู๋ตานเหม่ยและหวังลู่ฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว เพื่อขัดขวางอำนาจสกุลเกาที่นับวันจะเรืองอิทธิพลขึ้นทุกวัน
ดังนั้นแม้ว่างานเลี้ยงนี้จะเลิกราไปแล้ว แต่พระมารดายังคงให้เกาอี้เหรินนั่งสนทนาต่อกับเขาอีกสักพัก
“ท่านอ๋อง ขนมชิ้นนี้หม่อมฉันตั้งใจทำมาจากที่จวน ทรงลองเสวยดูหน่อยนะเพคะ” เกาอี้เหรินหยิบขนมดอกกุ้ยยื่นตรงปากของหวังซานเย่ ชินอ๋องหนุ่มมองสตรีตรงหน้าด้วยความรังเกียจภายในใจ ก่อนจะกลั้นใจกินขนมดอกกุ้ยที่นางเป็นคนทำมาให้ตน
“อร่อยมากเลยล่ะ” อ๋องหนุ่มกลั้นใจกล่าวชื่นชมออกไป
เกาอี้เหรินยิ้มอย่างขัดเขิน “หม่อมฉันดีใจที่ทรงชอบเพคะ...”
หวังซานเย่ลุกขึ้นเต็มความสูง สั่งการกับฉู่หานจิ้ง “หานจิ้ง เจ้าจงไปส่งคุณหนูเกาอี้เหรินที่จวนเถิด ยามนี้บ่ายคล้อยแล้ว ประเดี๋ยวเสนาบดีเกาคงตามหานางไปทั่วแน่”
เกาอี้เหรินลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “หม่อมฉันแจ้งต่อท่านพ่อแล้วเพ
คะ หากอยู่ต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร”
หวังซานเย่รู้ดีว่าเกาอี้เหรินตกอยู่ในแผนการที่เขาวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มกระชับเสื้อคลุมสีดำของตนเองให้แน่นขึ้นพลางยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับนาง “ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่อยากอยู่ห่างกายข้า ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าข้าต้องหารือกับเสด็จแม่และเสด็จพี่ เรื่องการอภิเษกของเรา ข้าได้รับชัยชนะเหนือแคว้นเสวี่ยมา คิดว่าเสด็จพี่คงมอบสมรสพระราชทานให้แน่”
หวังซานเย่พูดหลอกล่อสตรีโฉมสะคราญตรงหน้าให้หลงกลคล้อยตามตน รอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าหล่อเหลายังคงทำให้สตรีผู้งดงามหลงกลอยู่ในบ่วงเสน่ห์ เกาอี้เหรินแสร้งก้มหน้าพลางยิ้มขัดเขินเล็กๆ อย่างใส่อย่างเหนียมอาย “เพคะ...”
คำหวานของหวังซานเย่ทำให้เกาอี้เหรินและคนรับใช้ของนางพลันดีใจยิ้มแก้มปริ ก่อนที่ฉู่หานจิ้งจะทำตามพระบัญชาเดินไปส่งสตรีทั้งสองถึงจวนด้วยตนเอง
คล้อยหลังสตรีแซ่เกาแล้วนั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยอบอุ่นพลันเข้มขรึมขึ้นมาทันที ร่องรอยความอบอุ่นอ่อนโยนที่เขาแสร้งมอบให้กับเกาอี้ เหรินนั้นไม่มีอีกแล้ว นางเป็นเพียงหมากในกระดานตัวหนึ่งที่เขาจะใช้กดข่มสกุลเกามิให้เหลิงอำนาจในราชสำนักไปมากกว่านี้
ดูภายนอกเกาเจียฉี่ดูเหมือนจะดีใจที่บุตรสาวจะได้เป็นพระชายาอ๋อง ทว่าหวังซานเย่มองลึกถึงความหวาดกลัวในจิตใจของอีกฝ่ายดี เกาเจียฉี่ไม่ต้องการให้เกาอี้เหรินเป็นพระชายาเอกของเขา แต่ต้องการให้นางนั่งในตำแหน่งสนมขั้นเฟยของฮ่องเต้มากกว่า เพื่อฐานอำนาจที่มั่นคงขึ้นไปอีกขั้น เขาคงหมายใจอยากให้บุตรสาวคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นฮองเฮาเพื่อฐานอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า แต่สำหรับหวังซานเย่แล้วเขาจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
เมื่อได้เกาอี้เหรินมาอยู่ในกำมือทุกอย่างย่อมง่ายขึ้น และเขาอาจจะใช้นางเป็นข้อต่อรองกับเกาเจียฉี่ได้ดีด้วย
มองไปทางไหนเกาอี้เหรินก็ล้วนเป็นหมากที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
หวังซานเย่เดินทางมาพบพระมารดาที่ตำหนักแทนที่จะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามที่เอ่ยเอาไว้กับเกาอี้เหริน เนื่องจากการที่เขาจะทำตามแผนการขั้นต่อไปได้ จำเป็นต้องอาศัยอำนาจพระมารดาช่วยต่อรองกับหวังลู่และไทเฮา เพื่อให้การอภิเษกสมรสระหว่างเขากับเกาอี้เหรินเป็นไปอย่างราบรื่น
“เสด็จแม่ โปรดทรงจัดการเรื่องระหว่างลูกกับเกาอี้เหรินด้วยเถิดพะย่ะค่ะ” หวังซานเย่เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบกับพระมารดา ในแววตาของเขานั้นมีแต่ความจริงจังต่อแผนการที่คิดอ่านเอาไว้
หลินไท่เฟยยิ้ม “เจ้านี่นา บุรุษใจร้อนเหมือนดั่งเสด็จพ่อของเจ้าไม่มีผิดเลย”
หากเป็นคนปกติทั่วไปย่อมต้องหัวเราะในคำกล่าวเช่นนี้ของมารดา แต่ว่าหวังซานเย่นั้นแตกต่างกัน มารดาของเขาในอดีตเป็นเพียงกุ้ยเฟยในไท่ซ่างหวง เท่านั้น ทำให้เขาไม่ได้รับความโปรดปรานและความรักจากบิดาเท่าที่ควร เพราะความรักทั้งหมดนั้นถูกทุ่มเทให้กับหวังลู่และหูไทเฮาจนหมดสิ้น ส่วนพระมารดาของเขานั้นก็ได้รับพระเมตตาอยู่บ้าง แต่ต่างกับหวังซานเย่ที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดาเหมือนดั่งบุตรคนอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการเป็นบิดา...
และการแต่งพระชายาเข้าตำหนัก เกาอี้เหริน...
หวังซานเย่แสร้งยิ้มขบขันในคำกล่าวของมารดา “พะย่ะค่ะ เสด็จพี่เองก็ทรงอภิเษกฮองเฮา อีกทั้งยังมีกุ้ยเฟยอยู่ข้างพระวรกาย ลูกรู้จักกับเกาอี้เหรินมาตั้งแต่จำความได้ ยิ่งได้อภิเษกกับนางเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนัก”
ไท่เฟยลูบหัวบุตรชายพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาเถิดจ้ะ เดี๋ยวแม่จะไปทาบทามกับเกาเจียฉี่ให้เอง”
